เมื่อครั้งที่เราเจอปัญหาบ่อยครั้งที่เรามักสร้างความเชื่อขึ้นมาเพื่อลดทอนความเจ็บปวดหรือความเสียใจในระยะสั้น
แต่ในระยะยาวสิ่งเหล่านี้เป็นการทำร้ายความคิดและประสิทธิภาพของตัวเอง
ลองสำรวจดูว่าเรามักใช้ 4 ความเชื่อเหล่านี้ทำร้ายตัวเองหรือไม่
1.ฉันไม่ควรต้องเจอสถานการณ์นี้เลย
2.มันไม่ใช่ความผิดของฉัน
3.พรุ่งนี้ฉันจะเลิกนิสัยที่ไม่ดี
4.ฉันแก่ไปเสียแล้ว
ถ้ามีควรต้องเปลี่ยนความคิดเหล่านี้ให้ออกไปจากตัวเรา
เพื่อให้ตัวเราดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่ต้องฉุดรั้งตัวเองไม่ให้พัฒนา
ทางแก้ความเชื่อทั้ง 4 ประการนี้ คือ
1.ฉันไม่ควรต้องเจอสถานการณ์นี้เลย:
สถานการณ์ที่เราเจอและเรียกมันว่าปัญหา ส่วนใหญ่มีคนเคยเจอแล้วทั้งนั้น เช่น เราโดนแฟนบอกเลิก เราโดนปฏิเสธงาน เราเสียคนรัก เสียเงินหรือรายได้ เราป่วย
ซึ่งเราอาจคิดว่า เรื่องอย่างนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ฉันทำดีแล้วฉันเป็นคนดี แท้จริงแล้วเรื่องต่างที่เกิดขึ้นสามารถเกิดได้กับทุกคน
แต่สิ่งที่ต่างกันคือ ความคิดและการเผชิญกับปัญหานั้น
เราควรเตรียมรับมือกับปัญหาความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้น มากกว่าการโทษสถานการณ์ว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิด
การเตรียมตัวการวางแผนเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่มีอะไร 100% ดังนั้นเราควรรับมือกับความไม่แน่นอนในสถานการณ์ต่างๆ ให้ผ่านไปได้
แล้วคุณพบว่าปัญหาเหล่านั้นไม่ได้ทำร้ายคุณอย่างที่คิด
———
2.มันไม่ใช่ความผิดของฉัน:
การโทษคนอื่นเป็นเรื่องง่ายที่สุดเมื่อเกิดปัญหา โทษครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ลูกน้อง บริษัท ประเทศ รัฐบาล แต่การหันกลับมาโทษตัวเองเป็นเรื่องที่ยากกว่า
แต่คุณรู้หรือไม่ว่า หากคุณโทษตัวเอง และพิจารณาถึงความบกพร่องของตัวเอง คุณจะได้เรียนรู้จากบทเรียนของความผิดพลาด และพบหนทางของการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในอนาคต
———
3.พรุ่งนี้ฉันจะเลิกนิสัยเสีย:
การสัญญากับตัวเองในการเลิกนิสัยเสียในวันรุ่งขึ้นดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำ
แต่ในความเป็นจริงแล้วนิสัยที่ไม่ดีของเรามันไม่ได้พึ่งเป็นหรือเกิดขึ้น มันใช้เวลาสะสมและเป็นแบบนี้มานานแล้ว เช่น พรุ่งนี้ฉันจะกินน้อยลง ฉันจะออกกำลังกาย ฉันจะเลิกสูบบุหรี่ ฉันจะอ่านหนังสือ
ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเลิกหรือทำทันทีในวันรุ่งขึ้น
จากงานวิจัยของ University College London ระบุว่าคนเราจะเลิกนิสัยที่ทำมานานได้ ต้องลดการทำและเลิกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 66 วัน จึงจะเกิดเป็นนิสัยใหม่โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องสั่งหรือบังคับ ร่างกายและความคิดจะทำได้เอง
ดังนั้นการคิดจะเลิกนิสัยเสีย ควรเข้าใจว่าต้องใช้เวลาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างนิสัยที่เป็นอัตโนมัติ
————
4.ฉันแก่ไปเสียแล้ว:
เมื่อเราอายุมากขึ้นเรามักคิดถึงวัยอดีตที่ผ่านมาเช่น 19,29,39,49, 59 ไม่ว่าจะเลขอะไรก็แล้วแต่ คุณไม่มีทางย้อนกลับไปในวันนั้นได้
สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ เวลาในอนาคตข้างหน้าที่ทำอะไรได้ถ้าคนเรามีอายุเฉลี่ย 80 ปี คน30 ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของชีวิต ส่วนคนอายุ 40 ยังเหลืออีกตั้งครึ่งหนึ่งให้ทำอะไร, คน 50 ก็เหลืออีกตั้ง 30 ปี และคนเกษียร 60 ก็ยังเหลืออีกตั้ง 20 ปี
ดังนั้นคุณควรรู้ถึงคุณค่าในช่วงนาทีของชีวิตที่ทำอะไรได้อีกเยอะ และไม่ควรปล่อยให้อายุร่างกายเสื่อมโทรมและแก่กว่าอายุจริง
และคุณเองก็ควรมีเป้าหมายในการมีชีวิตให้ยืนยาวถึง 80-90 ปี อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อการวางแผนการใช้ชีวิตและการปฏิบัติตัวในช่วงเวลาที่เหลือ ยังไม่มีใครแก่เกินไปในการสร้างสิ่งใหม่จากเวลาที่เหลืออยู่
———–
ความเชื่อนำไปสู่ ความคิดและการกระทำ ก่อให้เกิดผลลัพธ์ทั้งการทำงานและใช้ชีวิต
การทำงานที่มีประสิทธิภาพเกิดจากคนทำงานมีความคิดและความเชื่อที่มีประสิทธิภาพ
————
ธวัชชัย บัววัฒน์
13/1/2563