1) ข้อมูลรายการสินค้า(Product) > รายการสินค้าที่จะขายถูกต้องและเหมาะสมกับลูกค้า
2) ข้อมูลสต๊อก(Stock) > จำนวนและคุณภาพถูกต้องในระบบกับของจริง รวมถึงตำแหน่งการจัดเก็บ
3) ข้อมูลการจัดเรียง(Shelf) >ตำแหน่งการจัดเรียงเหมาะสมและพื้นที่สอดคล้องกับการขายและการเรียงหน้าร้าน
4) ข้อมูลพื้นที่(Max) > การบริหารสต๊อกขึ้นลงตามยอดขาย แต่สิ่งที่คงที่ คือ พื้นที่ต้องไม่ให้เกินพื้นที่ที่มีอยู่ไม่มากจนเกินรับได้
5) ข้อมูลยอดขาย(Sales)อดีต และเป้าขายในอนาคต(+/-Growth) ,ข้อมูลยอดขายที่ถูกต้องคือ ยอดขายจริง แต่ยอดขายเฉลี่ยที่มีความแตกต่างกันถ้ามีการเลือกช่วงเวลาที่ต่างกัน ดังนั้นการนำไปใช้ต้องเลือกให้สอดคล้องกับการนำไปพยากรณ์อนาคต (มีการพิจารณายอดขายที่ผิดปกติเพื่อตัดออก เช่น ไม่มียอดขายเพราะขาดสต๊อก , หรือ ขายดีจากการเหมาชั่วคราวหรือลูกค้าเฉพาะราย)
6) ระยะเวลาและประสิทธิภาพการส่งสินค้า(Vendors Performance), การที่เรามีข้อมูลที่ถูกต้อง สั่งซื้อถูกต้อง แต่ระยะเวลาการส่งสินค้าไม่ตรงวัน หรือไม่ตรงจำนวน รวมถึงมีระยะเวลาที่ยาวนานเกินไป จะเป็นความเสี่ยงที่ทำให้สต๊อก ขาดหรือเกินได้ ดังนั้นต้องให้มีระยะเวลาที่สั้น และตรงตามนัดหมายทั้งจำนวนและเวลา
7) ข้อมูลการสั่งและสินค้า(หน่วย,ข้อจำกัด,ขั้นต่ำ) ข้อมูลสินค้าต้องมีการกำหนดและระบุให้ชัดเจน หน่วย ขนาด ราคา ค่าขั้นต่ำการสั่ง หรือ ข้อจำกัดที่มีผลต่อการสั่งซื้อสินค้าต้องมีการระบุให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการสั่งซื้อ
8) สูตรการคำนวณการเติมสินค้าเพื่อขายในอนาคต(เป็นการพยากรณ์) สูตรการคำนวณ คือ หัวใจการสั่งซื้อ การที่มีข้อมูลที่ถูกต้องเป็นเหมือนวัตถุดิบที่ดี แต่ถ้าผ่านกระบวนการที่ไม่ถูกต้องในการคำนวณ ก็จะให้การพยากรณ์ยอดขายเพื่อการสั่งซื้อ ผิดพลาดไปด้วย (ปัจจัยที่มีผลต่อการสั่ง คือ ทั้ง 7 ปัจจัย ข้างต้น)
9) การลดความสูญเปล่าและความผิดพลาดในการทำงาน เพราะทุกอย่างถูกต้องแล้วแต่ความผิดพลาดก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากการไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เช่น ความผิดพลาดจากการกรอกข้อมูล การหาสินค้าไม่เจอหรือใช้เวลานาน การเก็บสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ การมีขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยากและซับซ้อน ตำแหน่งการจัดเก็บที่ไม่เหมาะสมทั้งระดับสูงต่ำ การแยกเก็บ การเคลื่อนย้ายและยก
10) เมื่อเราสามารถควบคุมข้อมูลให้มีความถูกต้อง และมีการปฏิบัติงานตามมาตรฐาน มีการการแก้ไขปัญหาใหกลับสู่สิ่งที่ถูกต้อง ตรวจสอบป้องกัน และรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ในระดับมาตรฐานอยู่เสมอ ขั้นต่อไปก็คือการยกระดับมาตรฐานและการพัฒนาให้อยู่ในมาตรฐานใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และทำแบบนี้ต่อไปองค์กรก็จะเป็นองค์กรที่มีการพัฒนาและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง

ธวัชชัย บัววัฒน์